หน้าแรก / ข่าวสาร / [รีวิว-Review] Corsair STRAFE RGB Mechanical Gaming Keyboard

[รีวิว-Review] Corsair STRAFE RGB Mechanical Gaming Keyboard

ผู้ชม 20,097 ครั้ง | วันที่ 12 พฤศจิกายน 2015

ความรู้สึกของผมต่อรุ่น STRAFE ในตอนแรกนั้นผมเฉยๆมากพอรู้ว่ามันเปลี่ยนมาใช้วัสดุพลาสติกดำด้านไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีอะไรเลยแถมราคาก็ไม่ได้ถูกอะไรขนาดนั้นด้วยซ้ำ เพิ่มเงินอีกนิดก็ได้ K70 แล้ว จนได้มาเห็นตัวจริงตัวเป็นๆแล้วได้ลองจับดูผมก็เลยเข้าใจเลยว่ามันเอามาเทียบกันไม่ได้จริงๆ การที่มันเป็นพลาสติก ไม่ได้แปลว่าคุณภาพมันจะห่วยลงเลยแม้แต่น้อย เพราะยังมีคนอีกเยอะแยะที่ยังชอบดีไซน์คีย์บอร์ดแบบที่ใช้วัสดุพลาสติกแบบดำด้านอยู่ ถ้าเค้าใช้พลาสติกคุณภาพสูงอย่างดี มันจะดูออกทันทีเพราะการเก็บรายละเอียดและเวลาจับจะรู้สึกได้ถึงความทนทาน หลายๆคนน่าจะเห็นภาพนะครับเหมือนเวลาเราจับพลาสติกถูกๆกับพลาสติกแพงๆ มันคนละโลกเลย และการที่หันมาใช้พลาสติกดำด้านทำให้ดีไซน์นั้นเข้ากับตัวปุ่ม Keycap ทำให้มันดูเรียบหรูมากขึ้นดูดุดัน ไม่จับฝุ่นหรือเป็นรอยนิ้วมือง่ายเหมือนเหล็กและที่สำคัญ ผู้ใช้งาน K70 หลายๆคนเจอมาแล้วคือไฟดูด ถ้าห้องไม่ได้ เดินสายดินให้ดี โดดไฟฟ้าสถิตแน่นอน

ได้ไปฟังบทสัมภาษณ์ถึงที่มาที่ไปของผู้ดีไซน์รุ่น STRAFE เค้าบอกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่เกิดจาก Demand หรือความต้องการคำเรียกร้องของเหล่าสาวก Corsair ล้วนๆเลยไม่ว่าจะเป็นการหันมาใช้วัสดุพลาสติกการกลับมาใช้โลโก้เก่าเรือใบแต่ดีไซน์ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น หรือแม้แต่การเพิม port USB เข้ามาและใส่ลูกเล่นไฟ RGB เข้าไปทำให้มันเป็นคีย์บอร์ดที่มีดีไซน์และภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบของตัวเองที่เอาไปเทียบกับ K70 ไม่ได้เลย เพราะมันสวยไปอีกแบบ เราลองไปดูดีกว่าว่ามันจะมีจุดดีไซน์ที่แตกต่างและโดดเด่นจากตัว STRAFE ธรรมดา และรุ่นพี่มันอย่างพวก K70 อย่างไรบ้างครับ

 

มันต่างจากรุ่น STRAFE ยังไงหลายจุดเลยนะครับ จุดแรกที่ชัดเจนที่สุดก็คือ RGB ทุกปุ่มเป็น Cherry MX RGB ทั้งหมดในรุ่นที่เราได้มารีวิวนี้เป็นรุ่น Cherry MX RGB Silent ซึ่งใช้น้ำหนักในการกดเท่ากับ RED แต่มีเสียงที่เงียบกว่าเยอะ

 

ถ้ามองไกลๆจะเห็นว่าดีไซน์นั้นเหมือนกันทุกอย่างจะไปต่างกันที่สีดีไซน์นิดๆหน่อยๆบนตัวคีย์บอร์ด

 

โลโก้เรืองแสงและสามารถปรับแสงได้ 16.8 ล้านสีเช่นเดียวกัน

 

ได้ปรับแต่งข้อเสียต่างๆที่พบเจอได้ในรุ่นเก่าๆให้ดียิ่งขึ้นไปอีกในรุ่น นี้ ความรู้สึกแรกคือแสงไฟนั้นสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกสว่างขึ้นและลูกเล่นไฟก็มาเป็น Default ไม่ต้องมานั่งใส่เองแล้ว ที่สำคัญคือลูกเล่นไฟของเค้านั้นลื่นไหลสวยงานยิ่งกว่าเดิมด้วยครับ

 

สิ่งที่ทำให้มันรู้สึกสว่างเป็นพิเศษคือไอแผ่นพลาสติกสีขาวใต้คีย์บอร์ดนั้นเองทำให้มันสามารถสะท้อนแสงกลับออกมาได้ ทำให้ได้ความรู้สึกที่สว่างมากยิ่งขึ้น

 

ด้านข้างเป็นพลาสติกขาวแบบมันมีแสงไฟ LED สีขาวที่ขอบด้านบนด้วยถ้าสังเกตดีๆ

 

มี USB Port ให้1 Port ด้วย เป็น Features ที่ใครหลายๆเรียกร้องเยอะมากๆอยากให้มีในรุ่น K70

 

ขาปรับระดับได้

 

Cherry MX RGB Silent จะมีสีแดงอ่อน กว่าสีแดงปกติ ส่วนที่ใครไม่รู้มันคืออะไร Cherry MX RGB Silent เป็น Switch ล่าสุดจากค่าย Cherry ที่ออกแบบมาให้มีเสียงที่เงียบที่สุด เหมาะสำหรับคนขี้หนวกหูเสียงกดแม้แต่ RED Switch ที่ว่าเบาที่สุดแล้วสำหรับบางคนมันก็ยังดังเกินไป เค้าจึงออกแบบรุ่น Silent ออกมาให้เอาใจคนกลุ่มนี้เลยส่วนน้ำหนักกดเวลากดนั่นใกล้เคียงกับ Red มากๆ แต่ Red จะรู้สึกกดง่ายกว่าหน่อยครับ แต่แลกมาด้วยเสียงกดที่เงียบจริงๆถือว่าคุ้มค่าครับ ตอนนี้ Cherry MX Silent ยังเป็น Switch Exclusive สำหรับ Corsair เจ้าเดียวจะยังไม่เห็นในแบรนด์อื่นๆไปอีกพักใหญ่เลยครับ

 

Cherry MX RGB RED จะมีสีที่สดชัดเจน Silent ตอนนี้จะมีสีเดียวแบบเดียวเป็นสีแดงอ่อนๆ

 

ปิดไฟก็ยังเท่ตัวอักษรเห็นได้ชัดเจน สำหรับคนที่มองหาภาษาไทยสามารถซื้อ Keycap แยกจาก Corsair โดยตรงได้ในราคา 890.- บาทครับ

 

ด้าน Software เป็นจุดตกม้าตายของ Corsair มาโดยตลอดไม่มีลูกเล่นไฟมาให้ซักอันต้องโหลดมาเองตั้งค่าเองตั้งแต่เริ่มใช้งานก็ยากมากๆ Bug ก็ยังเยอะตอนนั้นคือเค้าเน้นเร่งออกมาให้เป็นเจ้าแรกๆก่อนใคร แต่ก็ทำให้ Software ไม่สมบูรณ์

 

แต่ปัญหาทั้งหมดได้หมดไปแล้วครับ เสียบคีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์ต่างๆของ Corsair เมื่อ Software รุ่นล่าสุดตรวจจับเจอเมื่อไหร่ลูกเล่นไฟก็จะทำงานทันทีและมีลูกเล่นไฟสายรุ้งและลูกเล่นไฟอื่นๆมาให้ระดับหนึ่งแล้ว และถ้าจะอยากโหลดมาแบบเดิมก็ทำได้เช่นเดิมครับ ทำให้ข้อเสียข้อเดียวของ Corsair ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นหมดไปแล้ว มันกลายเป็นสินค้าที่แทบจะหาข้อเสียไม่ได้อีกแล้วครับ

 

Corsair นั้นถือว่ามาไกลมากๆสำหรับรุ่น RGB มาถึงตอนนี้ผมกล้าพูดเลยว่ามันเป็นคีย์บอร์ด RGB ที่ Perfect ที่สุดรุ่นนึงในท้องตลาดตอนนี้แล้ว ผมแทบจะหาที่ติไม่ได้เลย จะเหลือให้ติอยู่จุดเดียวก็คงจะเป็นราคาแล้วละครับ สำหรับราคาที่ตั้งไว้นี้ มันก็ยังไม่ใช่คีย์บอร์ดสำหรับคนงบจำกัดอยู่ดี แต่ Corsair ไม่เคยวางตัวเองไว้ใจระดับกลางหรือล่างมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นคีย์บอร์ดราคาถูกๆจาก Corsair ในเร็วๆนี้และต่อๆไปอยู่แล้ว สำหรับคนที่งบเหลือๆหรือกำลังมองหาคีย์บอร์ดดีๆซักตัวที่จะทำให้คุณจบกับมันไปได้อีก4-5ปี และคุณกำลังมองหา Mechanical Switch เสียงเงียบที่สุดในท้องตลาดไม่ต้องมองหาที่อื่นไกลรุ่นนี้ละครับคือคีย์บอร์ดของคุณ

 

สั่งซื้อสินค้าคลิกที่นี่