หน้าแรก / ข่าวสาร / Review Sennheiser GSP 600/ GSP 500

Review Sennheiser GSP 600/ GSP 500

ผู้ชม 9,271 ครั้ง | วันที่ 13 กรกฏาคม 2018

Sennheiser GSP 600/ GSP 500

"หูฟังที่บอกทิศทาง และเสียงฝีเท้าในเกมให้คุณได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ

แม้ไม่ใช้ Soundcard 7.1 "

GSP 600/ GSP 500 คือหูฟังเกมมิ่ง ตัวใหม่ล่าสุดของทาง Sennheiser ที่ถูกพัฒนามากจากหูฟัง sennheiser รุ่นก่อนอย่าง Sennheiser Game Zero/ Game One โดยยังคงคุณสมบัติเดิมๆบางอย่างเอาไว้และพัฒนาเรื่องเสียงลำโพงและเสียงไมโครโฟนให้ดีขึ้น โดยที่ GSP 600 จะสามารถตัดเสียงภายนอกได้ดีมากๆ เสียงต่างๆที่อยู่รอบตัวเราไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามารบกวนการเล่นเกมของเราได้เลย เพราะตัวหูฟังเป็นแบบปิดและเพราะฟองน้ำครอบหูเป็นหนัง จึงทำให้เรามีโฟกัสกับเกมมากกว่า และ GSP 500 จะไม่สามารถตัดเสียงภายนอกได้ เสียงรอบตัวจะเข้ามารบกวนเราทำให้เราไม่มีสมาธิ แต่ก็แลกมากับวัสดุที่ระบายอากาศได้ดีกว่าและซาวสเตจที่กว้างกว่ามาก

โฉมใหม่ ดีไซน์เกมมิ่ง

ใช้ได้กับทุก Platform

สายเชื่อมต่อมี 2 แบบ แบบแจ็ค 3.5 มม. ที่แยกเป็นไมค์กับลำโพงที่เอาไว้ใช้กับ PC และ สาย 3.5 มม.แบบที่เอาไว้ใช้กับ console, tablet, และ smartphone

โชว์ความทนทานและยืดหยุ่นแบบสุดๆ

Sennheiser GSP 600/ GSP500 ทำมาจากพลาสติกเกรดดีที่มีความทนทานสูงและมีน้ำหนักเบาจึงทำให้สามารถสวมใส่ได้เป็นเวลานาน ฟองน้ำหูฟังของ GSP 600 ทำมาจาก 2 วัสดุ ผ้าและหนัง ด้านที่สัมผัวกับผิวของเราทำมาจากผ้าที่ระบายความร้อนและความอับได้ดี ส่วนด้านข้างของฟองน้ำทำมาจากหนังที่ช่วยกันเสียงภายนอกได้อย่างดี ส่วนฟ้องน้ำครอบหูของ GSP 500 จะเป็นผ้ากำมะหยี่ทั้งอันทำให้ระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบหนังของ GSP 600 ก้านของ GSP 600/ GSP 500 ทำมาจากอลูมิเนียม ไม่มีทางหักแน่นอน ส่วนสายจะเป็นสายถัก ความทนทานนี่ไม่ต้องพูดถึง ผมว่าแข็งแรงกว่าหูฟังตัวนี้ก็รถถังอะ

เสียงระดับ Hi-End

GSP 600/ GSP 500 เป็นหูฟัง stereo 2.1 ที่มีรูปแบบการวางตำแหน่งลำโพงแบบใหม่ให้มิติเสียงที่กว้างชัดเจน ช่วยให้คุณเก็บทุกรายละเอียดเสียงได้อย่างแม่นยำ ตอบสนองกับศัตรูได้ทุกจังหวะ การแยกทิศทางของเสียงสำคัญมากในการเล่นเกมเพราะมันจะทำให้เรารู้ตำแหน่งของสัตรูก่อนที่เราจะมองเห็นเสียอีก และหูฟังตัวนี้ก็สามารถแยกแยะทิศทางได้แม่นยำมากๆ จากการลองเล่นกับเกม pubg ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของศัตรูรอบๆตัวชัดมากๆ จุดเด่นอีกอย่างของ GSP 600 คือการที่มันเป็น closed back หรือหูฟังแบบปิด ที่ทำให้ไม่โดนรบกวนจากเสียงรอบข้าง แต่ก็จะได้ซาวสเตจที่แคบลงนิดหน่อย ส่วน GSP 500 จะเก็บเสียงไม่ได้เลยแต่จะได้ซาวสเตจที่กว้างมากและระบายความร้อนได้ดีกว่า เสียงของหูฟังดังชัดทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้แอมป์ขับแต่ถ้าหากใช้แอมป์ขับแล้วละก็ หื้มมม ไม่ต้องพูดถึงว่าเสียงมันจะดีสักแค่ไหน เสียงของไมค์โครโฟนชัดโครต เพราะเป็น noise cancelling microphone จึงตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ด้ทำให้ได้ยินเสียงพูดของเราชัดมากๆ

ความสบาย

Sennheiser GSP 600/ GSP 500 บอกเลยว่าใส่โครตสบายเพราะซ้ำหนักที่เบาและทรงของฟองน้ำครอบหูเป็นวงรีที่ครอบอยู่รอบๆใบหูของเราทำให้ใบหูไม่แตะกับอะไรเลย ไม่มีอาการเจ็บหูเลยแม้แต่น้อย ตัวหูฟังสามารถปรับระดับได้เยอะทำให้ใส่ได้ทั้งคนที่หัวเล็กหรือหัวใหญ่ ฟองน้ำที่รองหัวเป็นผ้ากำมะหยี่ที่ระบายความร้อนได้ดี

ปรับระดับความแน่นได้อย่างอิสระ

นอกเหนือจากนี้สิ่งที่ช่วยให้ใส่สบายอีกอย่างคือระบบการปรับความบีบของหูฟังที่อยู่ที่ก้านบนหัวของหูฟัง เวลาปรับไปที่จุดกลางสุดตัวหูฟังจะคลายความตรึงออกและเวลาปรับไปที่จุดนอกสุด หูฟังจะบีบกระชับมากขึ้น เหมาะกับการใช้งานในสถานการณืที่แตกต่างกัน เวลาเราอยากเล่นเกมแบบจิงจังมากๆอาจจะบีบเข้าให้กระชับมากขึ้นเพื่อที่จะต้องการการโฟกัสแบบเต็มรูปแบบหรืออาจจะต้องการใส่แบบสบายๆก็สามารถคลายความบีบได้เช่นกัน นอกจากสถานการณืที่แตกต่างกันแล้ว รูปหน้าของแต่ละคนก็มีส่วนสำคัญในการเลือกปรับการบีบของหูฟัง หากเราเป็นคนคางเหลี่ยมหรือหน้าใหญ่ก็ควรที่จะปรับให้บีบน้อยที่สุด แต่ถ้าหากเรามีคางแหลมหรือใบหน้าที่เรียวเล็ก ก็ประบให้บีบขึ้นเพื่อความกระชับของหูฟัง

ไมโครโฟนชัด เสียงใสโครต

ไมโครโฟนในรุ่น GSP 600/ GSP 500 ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยใช้ไมโครโฟน 2 ตัวทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป โดยที่ด้านนึงใช้รับเสียงภายนอกและตัดออก ส่วนไมค์อีกตัวรับเสียงพูดของเรา ซึ่งทำให้เสียงคมชัดและสามารถตัดเสียงรบกวน (noise-cancelling) ได้อย่างดีเยี่ยม ฟังค์ชั่นพับไมค์ขึ้น – ดึงไมค์ลง เป็นการเปิด-ปิดไมโครโฟน สะดวกและใช้งานง่าย

ปรับระดับเสียง On the Fly

ทางด้านขวาของหูฟังจะมีตัวหมุนที่เอาไว้สำหรับปรับเสียง ทำให้ไม่ต้องคลำหาที่ปรับเสียงที่สายหรือในซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ สะดวกสบายมากๆ

GSP 600 VS GSP 500

ความแตกต่างของหูฟังแบบเปิดกับแบบปิด

ความแตกต่างของฟองน้ำครอบหู

GSP 600		GSP 500
Design	Closed Back Design หรือหูฟังแบบปิดจะตัดเสียงภายนอกได้ดีและให้เสียงเบสที่นุ่มลึกกว่า แต่ต้องแลกมาด้วย Sound Stage ที่แคบกว่า	Design	Opened Back Design หรือหูฟังแบบเปิดจะไม่สามารถตัดเสียงภายนอกได้เลยแต่จะระบายความร้อนได้ดีกว่าเนื่องจากด้านหลังของหูฟังจะเป็นตะแกรง ทำให้ระบายอากาศได้ดี และจะทำให้ได้ Sound Stage ที่กว้างกว่ามาก
Earcup	ฟองน้ำครอบหูทำมาจากหนังและผ้ากำมะหยี่ ด้านข้างจะเป็นหนังเพื่อตัดเสียงภายนอกและด้านที่สัมผัสกับผิวหน้าเราจะทำมาจากผ้ากำมะหยี่เพื่อที่จะได้ช่วยให้ไม่อับและร้อนจนเกินไป	Earcup	ฟองน้ำครอบหูทำมาจากผ้ากำมะหยี่ทั้งอัน เพื่อที่จะได้ช่วยให้ไม่อับและร้อนจนเกินไป
Impedance	28 Ω	Impedance	28 Ω
Connector	2 x 3.5 mm (3-pole connectors) 1 x 3.5 mm (4-pole connectors)	Connector	2 x 3.5 mm (3-pole connectors) 1 x 3.5 mm (4-pole connectors)
Frequency response (Microphone)	10–18,000 Hz	Frequency response (Microphone)	10–18,000 Hz
Frequency response (Headphones)	10–30,000 Hz	Frequency response (Headphones)	10–30,000 Hz
Sound pressure level (SPL)	112 dB SPL @ 1 kHz, 1V RMS	Sound pressure level (SPL)	112 dB SPL @ 1 kHz, 1V RMS
Ear coupling	Over-Ear	Ear coupling	Over-Ear
Cable length	2.5 m PC cable / 1.5 m Console cable	Cable length	2.5 m PC cable / 1.5 m Console cable
Transducer principle	Dynamic, closed	Transducer principle	Dynamic, opened
Weight	395 g	Weight	395 g
Microphone sensitivity	-47 dBV/PA	Microphone sensitivity	-47 dBV/PA